แบกเป้เที่ยวพม่าวันที่ 3 ตอนเที่ยวพุกามวันแรก


แบกเป้เที่ยวพม่าวันที่ 3 ......  ตอนเที่ยวพุกามวันแรก


ต่อจากตอนที่แล้ว  =>  แบกเป้เที่ยวพม่าวันที่ 2 .... ตอนแอ่วเมืองมัณฑะเลย์

ตามที่ได้แพลนหลวมไว้ก่อนมานั้นตั้งใจว่าจะมาเที่ยวพุกามแค่วันเดียวจากนั้นก็จะไปจบทริปที่ย่างกุ้งและสิเรียมช่วงสองวันสุดท้าย  แต่เมื่อได้มาสัมผัสพุกามแล้วมีความรู้สึกว่าวันเดียวนั้นมันค่อนข้างน้อยไป  และท้ายสุดก็เลยต้องตัดสินใจอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน



18 พ.ย. 2559  เวลา 21.10 น. ล้อรถทัวร์สายมัณฑะเลย์-พุกาม เริ่มหมุนออกตัว  และใช้เวลาประมาณสามชั่วครึ่งก็เดินทางมาถึง
ทางแยกทางเข้าทะเลเจดีย์พุกาม เวลา 01.40 น.
<=  บริษัทรถทัวร์ผู้ให้บริการ



ก่อนเดินทางทางสถานีแจ้งว่ามีบริการส่งให้ถึงทีพัก...ซึ่งหลายๆคนก็จินตนาการไปว่ารถบัสคันนี้จะไปส่งถึงโรงแรมหรือรีสอร์ทที่แต่ละคนได้จองไว้

 ครั้งหนึ่งเคยอ่านเรื่องพม่าเอารถขนหมูมารับท่องเที่ยว  แต่จินตนาการไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ....วันนี้มาเจอด้วยตัวเอง  ต้องบอกว่าแจ่มเลย

 ตีหนึ่งครึ่ง เวลาที่ทุกๆคนกำลังหลับไหลฝันหวานอยู่บนรถบัส....แต่แล้วจู่ๆคนขับก็เปิดไฟแล้วไล่ให้ลงแล้วก็บอกว่า บากาน บากาน เฮีย (ฺBagan Bagan here) ซึ่งหมายถึงใครที่จะไปบากานหรือพุกามก็ให้ลงที่นี่
ไอ้คนที่ไม่เคยมารวมถึงตัวพี่เสือเองก็เป็นงงก พร้อมกับบ่นพึมพำว่า "เฮ้ย นี่มันถึงแล้วเหรอ  ทำไมมันมืดไปหมดไม่เห็นมีอะไรเลย"



หลังจากง่วงมึนงงอยู่ได้ไม่ถึงสองนาที  ทันใดนั้นก็มีเสียงรถคันหนึ่งติดเครื่องยนต์พร้อมตะโกนสั้นๆได้ใจความว่า  " โก บากาน คัม เฮีย "  ....ประมาณว่าใครจะไปกานมาที่นี่ มาต่อรถตรูนี่

*** จุดนัดพบนี้คือสามแยกที่เป็นถนนเชื่อมต่อไปยังเมืองบากานเก่า ส่วนรถบัสจะวิ่งต่อไปที่ Highway bus terminal ที่อยู่เลยไปอีกหน่อย 

 นั่งแถวละ 6  นั่งพื้นตรงกลางอีก 5 และขอบกระบะท้ายอีก 2-3 คน หลงจ้งแล้ว 17- 18 คนโดยประมาณ ทั้งสัมภาระและคนนั่งตัวลีบอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง....นั้งอัดกันหายใจแทบไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว

กำลังหลับไหลอยู่ดีๆแล้วจู่ๆก็ตื่นมาพบกับฝันร้าย....บางท่านครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรือบางคนก็เคยศึกษาและอ่านรีวิวมาก่อนแล้วก็เฉยๆชิลล์ๆไม่รู้สึกว่าผิดปกติอะไร

แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ทำการบ้านก่อน มาเจอสภาพนี้ก็รับไม่ได้และก็แจกของฝากกันนัวเนีย บ้างมีกล้วยก็แจกกล้วย บ้างมีฟักก็แจกฟัก แจกกันแบบไม่ขี้เหนียวเลยที่เดียว   lol


รถขนหมูพาพวกเราปุเรงๆผ่านความมืดไปได้สัก 15-20  นาที  ก็เป็นอันว่าเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่บริเวณที่ใกล้กับทะเลเจดีย์แล้ว   รถเริ่มจอดส่งผู้โดยสารตามโรงแรมและรีสอร์ทต่างๆตามโพยเป็นระยะๆ

ส่วนเราไม่ได้จองที่พักล่วงหน้าก็เลยใช้วิธีถามสด  ประมาณรถท่านจอดรีสอร์ทหรือโรงแรมไหนเราก็วิ่งเข้าไปถามว่า" เฮ้ยู เอ็งมีห้องว่างไหม?"

จากที่สักเกตุดู ผู้ร่วมชะตากรรมนี้จะจองที่พักราคาระหว่าง 25 - 40 เหรียญยูเอส หรือ 750 - 1,200 บาทเป็นส่วนใหญ่  ซึ่งเราเองก็หยวนๆไม่มีปัญหา  แต่ทว่าส่วนใหญ่ห้องพักจะไม่ค่อยว่าง

หลังจากที่ทยอยส่งลูกค้าไปเกือบหมด ....คนขับก็เลยจอดลงมาถามเราว่าจะไปพักที่ไหน?   เราก็เลยตอบไปว่าที่ไหนก็ได้ขอให้ถูกแต่ดี :) และอยู่ใกล้ๆกับทะเลเจดีย์


ไม่ผิดหวัง...คนขับพาเราตรงไปที่เกสเฮ้าท์แห่งหนึ่ง (Winner Guest House ) ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบริเวณทะเลเจดีย์(ห่างแค่กิโลฯกว่าๆ) ราคาประหยัด (15 ยูเอสพร้อมอาหารเช้า)  แถมมีสองเตียงให้เลือกนอน ... 

ห้องนอนที่เรียบง่าย โล่งโปร่งและเย็นฉ่ำตามธรรมชาติแบบไม่ต้องเปิดแอร์  ก็เลยทำให้ค่ำคืนนี้กลายเป็นคืนที่ดีคืนหนึ่ง...สามารถทอดอารมณ์นอนกรนหลับฝันหวานได้สบายใจ...

...ไก่ขันจนเลิกลา นกเล็กนกใหญ่ส่งเสียงร้องจนเมื่อยปาก เราก็ยังไม่ยอมลุกจากที่นอน จนกระทั่งแสงแดดแก่ๆในยามเช้าได้สอดส่องเข้ามากระทบผนังห้องและสะท้อนมาที่ใบหน้าและดวงตาเราจึงยอมจำนนและยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำแปรงฟัน

ทางอยู่ที่ปากยึดแนวทางเดิม ...หม่ำอาหารเช้า ( ขนมปัง ไข่ดาว ผลไม้ + กาแฟ) พร้อมหาข้อมูลกันแบบสดๆ

ใช้เวลาเจรจาอยู่ไม่กี่นาที ข้อมูลก็เริ่มทยอยเข้ามา...จากนั้นก็จัดการติดต่อเช่ามอไชต์  =>   มอไชต์แบบเกียร์ออโต้ 1 คัน เก้าโมงเช้าถึงสามทุ่ม ราคา 8000 จ๊าด ( 240 บาท)


รถพร้อมคนพร้อมใจพร้อม ข้อมูลพอกล้อมแกล้ม  =>   เป็นอันว่าได้เวลาออกสำรวจพุกาม


Htilominlo temple ( Nov 19.2016,09.35 am)

 หลังขี่มอไชต์ออกจากเกสเฮ้าท์ได้ประมาณ 3-4 นาที่หรือประมาณ 1.2  กิโลเมตร เราก็ได้พบกับจุดท่องเที่ยวที่สำคัญนั้นคือ ติโลมินโล

เจดีย์นี้มีความสวยงามทั้งข้างนอกและภายใน ส่วนรอบๆนอกจะมีร้านขายของที่ระลึกให้เลือกซื้อมากมาย เช่น เครื่องเขิน เครื่องเงิน ตุ๊กตาหุ่นชักที่เป็นเอกลักษณ์ของพม่า และอื่นๆ 

*** คลิกอ่านข้อมูลแบบเต็มๆของเจดีย์นี้ได้ที่ => Htilominlo temple

เจดีย์ติโลมินโลที่มองเห็นจากด้านบนของเจดีย์เล็กๆที่ตั้งอยู่ด้านนอก 
แม่ค้าขายของที่ระลึกเป็นคนอาสาพาเราออกมาดูโดยขอค่าตอบแทนน้ำใจเล็กๆโดยให้ช่วยซื้อของที่ระลึกในร้านของเธอ

 นับว่าเป็นการเริ่มที่ดี  เพราะมาถึงจุดแรกเราก็มีโอกาสได้พบกับเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะมาจากหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวตั้งซุ้มให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ที่นี่  ซึ่งสามารถให้ข้อมูลการท่องเที่ยวได้ค่อนข้างดีและให้ซื้อตั๋วจากที่นี่เพื่อใช้กับสถานที่สำคัญต่างๆในบริเวณทะเลเจดีย์นี้ (ใบเดียวใช้ได้เกือบทุกที่)

 หลังได้รับข้อมูลเพิ่มจากเจ้าหน้าที่  ก็ขี่รถต่อไปตามทางอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการเข้าสู่บริเวณใจกลางของทะเลเจดีย์..

 สองข้างทางเต็มไปด้วยเจดีย์น้อยใหญ่มากมายเต็มไปหมด .... เฮ้ย ! แบบนี้วันเดียวจะเที่ยวหมดเหรอ (คิดในใจ)


หลังจากคิดทบทวนแพลเดิมอยู่สักครู่   จากนั้นก็สรุปว่าที่นี่อย่างน้อยๆต้องสองวัน วันเดียวไม่พอแน่  จากนั้นก็เลยถอยไปตั้งหลักและไปหาอะไรกินให้หนักๆท้องก่อนแล้วค่อยเริ่มต้นใหม่

เราขี่รถย้อนกลับมาทางเดิมซึ่งเป็นแหล่งที่พักโรงแรมและรีสอร์ท เพื่อหาอะไรกิน  แต่ทว่าร้านที่เราสนใจนั้นเกือบทั้งหมดยังไม่เปิดให้บริการและจะเปิดหลังบ่ายๆแก่ๆไปถึงตอนห้าทุ่มเที่ยงคืน...

เราขี่รถวนไปกลับจนสุดถนนอยู่สองสามรอบก็ยังหาร้านที่จะฝากท้องไม่ได้ สุดท้ายก็เลยต้องจอดที่ร้านข้าวแกงของคนท้องถิ่น 

อาหารพม่านี่ต้องบอกว่าเขาทำขำดี  ต้องบอกว่าแต่ละอย่างที่เจ้แกตักมาให้นั้นดูเหมือนตักเอามาไหว้เจ้า(ถ้วยเล็กๆและน้อยมาก)    ส่วนรสชาตินั้นเน้นไปทางมันๆเป็นหลักและก็จืดด้วย (สองรส มันกะจืด)



หลังหม่ำมื้อเที่ยงเสร็จเราก็กลับเข้าไปหลบร้อนนอนพักในห้องจนกระทั่งบ่ายโมงครึ่งและก็ออกมาสำรวจทะเลเจดีย์ต่อในช่วงบ่าย....
แพลนบ่ายวันนี้เราเลือกที่จะขี่รถออกไปดูเจดีย์และวัดต่างๆที่ตั้งอยู่เรียงรายบริเวณริมฝั่งแม่น้ำอิรวดีหรือฝั่งขวามือของถนนและเป็นบริเวณที่ตั้งของเมืองพุกามเก่า(Old Bagan) ส่วนด้านซ้ายมือเราวางโปรแกรมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้

หลังออกจากที่พักมาเราก็มาจอดพักดื่มกาแฟและของว่างที่ Treasure Cafe & Restaurant ..   โดยเราเลือก  banana honey (กล้วยเผาปอกเปลือกแล้วราดด้วยน้ำผึ้ง) กับผลไม้รวมตามฤดูกาลแกล้มกับกาแฟดำ เพื่อเรียกความสดชื่นสู้กับอากาศร้อนในยามบ่าย


หลังจากนั้นก็เข้าสู่โหมดเดินทางอย่างจริงจัง...ซึ่งจุดแรกขี่รถตรงไปที่วังทอง (Bagan Golden Palace)  และตามด้วย Taw Pyay  วัดริมและเจดีย์ริมแม่น้ำที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับวังทอง => เจดีย์บูพญา Bu Paya =>ท่าเรือของเมืองพุกามเก่า (Old Bagan Pier)  ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาขึ้นเรือล่องแม่น้ำอิรวดีและชมทัศนียภาพของริมฝั่งแม่น้ำ  => เข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ  =>จากนั้นก็ไปหยุดพักร้อนอีกรอบที่ร้านกาแฟริมแม่น้ำอิรวดี @River View


Bagan Golden Palace  จุดนี้หากจะเข้าชมด้านในจะต้องเสียค่าผ่านประตูเพิ่มอีก 5 ดอลลาร์   จุดนี้เราไม่ได้เข้าไปเนื่องจากต้องการที่ขับรถดูภาพรวมก่อน  ก่อนที่จะลงรายละเอียด 


“เจดีย์บูพญา | Buphaya” เจดีย์น้ำเต้า  ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี ปัจจุบัน เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2518
ขีรถหลงเข้าไปในหมู่บ้าน ก็เลยถือโอกาสแอบดูชาวบ้านทำงาน (กำลังนวดข้าว)

River View Cafe  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดี มีที่นอนพักผ่อนโคนต้นไม้ บรรยากาศยอดเยี่ยม
ด้านซ้าย เมื่อหันหน้าออกแม่น้ำ

ด้านขวาเมื่อหันหน้าออกไปทางแม่น้ำ (ได้บรรยากาศสุดๆ)


หลังจากที่พักผ่อนเติมพลัง River View Cafe เรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมาลุยต่อตามแผนที่ ....แต่ระหว่างนั้นเราบังเอิญได้แอบไปเห็นขบวนรถม้านักท่องเที่ยวกลุ่มเข้า ซึ่งกำลังมามุ่งหน้าไปยังพิกัดที่ดูเหมือนตามเรื่องราวในแผนที่  ซึ่งเราก็เลยสงสัยและขับรถตามรอยเขาไป



ไปเจอกลางทางซึ่งมีลักษณะคล้ายเจดีย์สามองค์ที่สังขละ
เมื่อตามมาถึงที่จึงเข้าใจว่าที่นี่เป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง
ภาพถ่ายที่ได้จากเนินซากเจดีย์เก่า  ซึ่งจะเห็นเจดีย์ต่างๆเกาะกลุ่มกันสวยงาม
มองจากเนินซากเจดีย์แล้วหันหน้าไปทางแม่น้ำ ก็จะได้ภาพสวยงามอีกภาพหนึ่งดังรูป
เด็กๆในหมู่บ้านนำภาพวาดสีเทียนมาขายให้กับนักท่องเที่ยว ภาพละ 1000 จ๊าดหรือ 30 บาท  พี่เสือให้ไปพันนึงแต่ไม่เอาภาพ

 นับว่าเป็นความโชคดีที่ออกมาจากร้านกาแฟแบบถูกที่ถูกเวลาและได้พบกับขบวนรถม้าซึ่งกำลังผ่านมาพอดี  ซึ่งทำเราได้เห็นอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ไฮไลท์ไว้ไนแผนที่แต่มีความงดงาม ไม่ว่าจะเป็นวัด เจดีย์เก่าแก่ตลอดทางระหว่างที่เดินทางไปจุดชมวิว

หลังจบที่บริเวณนี้แล้ว เวลาก็ร่วงเลยไปใกล้ๆห้าโมงเย็นแล้ว เราเกรงว่าเมื่อมืดแล้วเดี๋ยวเราจะหาทางออกไม่เจอ ก็เลยตัดสินใจขับรถวิ่งออกถนนหลัก 

ณ เวลานี้เราสังเกตุเห็นได้ว่าแต่ละที่ผู้คนและจราจรบนถนนสายหลักเริ่มเบาบางจนแปลกไปและเริ่มสงสัย และเมื่อเจอรถม้าจอดอยู่โคนต้นไม้ข้างทางก็เฉียดทักทายและยิงคำถามไปว่าช่วงเวลานี้คนเขาไปไหนกันหรือ...คำตอบที่ได้รับก็คือ ณ เวลาส่วนใหญ่จะไปรอดูตะวันตกดินกันที่เจดีย์ชเวซานดอร์ (ลิงค์รีวิว=> Shwesandaw )

เมื่อได้ยินดังนั้นก็หูผึงและจัดการหันหัวมอไซต์ตรงดิ่งไปยังเป้าหมาย  และเมื่อไปถึงก็พบว่านักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่นี่จริงๆ

รถเกือบทังหมดมารวมตัวกันที่นี่ ทำเอาลานจอดรถแทบไม่มีที่จอด

มาถึงห้าโมงเย็นกว่าๆ  พื้นที่บนเจดีย์ถูกจับจองเกือบแทบหมดแทบทุกชั้น
ภาพพาโนราม่า ช่วงตะวันกำลังจะตกดิน

ตะวันกำลังจะตกดิน

น่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่เจ้าบ้านที่มาจากต่างถิ่น

หลังตะวันลับฟ้าแล้ว นักเที่ยวต่างก็เริ่มทยอยเดินทางกลับและเหลือไว้ซึ่งความทรงจำดีๆที่ไม่รู้ลืมว่าครั้งหนึ่งได้มาสัมผัสบรรยากาศและดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่

พี่เสือเองก็ไม่สวนกระแส และเมื่อผู้คนเริ่มกลับเราก็กลับตาม แต่ระหว่างทางนั้นต้องผ่านวัดที่เป็นไฮไลท์อีกจุดซึ่งกำลังเปิดไฟสว่างไสว (Ananda Temple)  และมีผู้คนเดินขวักไขว่ เราก็เลยจดรถแวะตามเข้าไปดูตามระเบียบ (ช่วงที่ไป วัดนี้อยู่ระหว่างการซ่อมแซมบูรณะเนื่องจากได้รับผลกระช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหวก่อนหน้านี่)

วัดอนันดาหรือวัดอนันดากู่พญาอยู่ในพุกามเมืองเก่า(Bagan) ยังคงสภาพสมบูรณ์ มีพระพุทธรูปทรงยืนสี่ปาง รอบสี่ด้าน ฐานเจดีย์เป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ภายในมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆบรรจุอยู่ภายในทั่ววัด เป็นหนึ่งในวัดของอาณาจักรพุกามที่ต้องห้ามพลาด



นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ส่วนใหญ่มาทำบุญไหว้พระและเลือกซื้อหาของที่ระลึกกลับบ้าน  ส่วนพี่เสือไหว้พระเสร็จก็มุ่งหน้ากลับที่พักและจัดการอาบน้ำอาบท่าชำระกายหลังตะลุยอาบเหงือต่างน้ำมาเกือบครึ่งค่อนวัน

หวังจากอาบน้ำเสร็จก็ออกสำรวจเพื่อหาของกินสองข้างถนนย่านที่พักเส้นเดิมที่มาตอนกลางวันเพื่อดูว่าเมื่อมืดแล้วจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ....ซึ่งก็มีให้เลือกพอสมควร มีทั้งร้านอาหารฝรั่ง อาหารไทย BBQ ปิ้งย่าง และอื่นๆ

เราตัดสินใจจอดลงที่ร้านปลาเผา&BฺBQปิ้งย่าง   แต่ทว่าปลาเผาคิวค่อนข้างยาวและที่สำคัญคือไม่ต่างกับปลาทับทิมย่างเกลือที่ขายตามตลาดนัดบ้านเราสักเท่าไหร่แถมคิวยาวจึงขอบายและหันหัวเรือกลับไปลงเอยที่ร้านอาหารไทยที่อยู่ข้างเกสเฮ้าท์

หลังจากที่ผิดหวังกับอาหารพม่ามาหลายมื้อ วันนี้เลยสั่งเมนูไทยล้วนๆเช่นปลากระพงนิ่งมะนาว กระเพราะหมูและผัดผักรวมมิตร ฯลฯ มาเติมพลัง

The little Thai Kitchen ร้านนี้จัดการโดยคนไทยและทำอาหารโดยกุ๊กไทย  รสชาติยังคงมาตรฐานเดิมๆไม่ปรับแต่งเพื่อเอาใจคนท้องถิ่นเหมือนกับร้านอาหารไทยในบางประเทศ


เนื่องจากที่พุกามเมืองนี้ยังมีอะไรให้ศึกษาและค้นหามากมาย เราจึงปรับแพลนและตัดสินใจอยู่ที่นี่เพิ่มอีก 1 วัน   แต่ทว่าดูเหมือนเรื่องและรูปมันค่อนข้างเยอะแล้วดังนั้นจึงขอแยกเรื่องของพุกามออกเป็นสองตอนและขอจบตอนที่หนึ่งไว้เพียงแค่นี้ก่อนนะครับ

  แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไป จร้า !!!


เส้นทางเสือผ่านในวันนี้


ชมคลิป

No comments:

Post a Comment