Atomic Bomb Dome


ฮิโรชิม่า (HIROSHIMA) ประวัติศาสตร์โลกอันแสนเจ็บปวดที่ทุกคนอยากลืม แต่ต้องจดจำ
เนื้อหาต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว = > การเดินทางมาฮิโรชิมา

การดินทางมาฮิโรชิมาครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่สองในการเดินทางมาญี่ปุ่นดังที่ได้เกริ่นไว้แล้วในตอนที่ผ่านมา   โดยเดินทางมาถึงเมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายน 2005 และก็มีโอกาสได้พักอยู่ไกล้ๆกับ Atomic Bomb Dome  และสวนสันติภาพ (Hiroshima’s Peace Memorial Park) เป็นระยะเวลาเดือนกว่าๆ



ฮิโรชิมาเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์โลก เนื่องจากเคยเป็นเมืองที่เคยโดนถล่มด้วยระเบิดปรมาณูลูกแรก เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2488 (ค.ศ 1945 ) ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง...

ปัจจุบันฮิโรชิม่าได้กลายเป็นเมืองแห่งสันติภาพและวัฒนธรรมระดับนานาชาติ (International City of Peace and Culture) สภาพเมืองได้ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่อย่างมีอย่างมีระเบียบแบบแผนและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งไม่หลงเหลือร่องรอยของความบอบช้ำจากสงครามปรากฏให้เห็น นอกเสียจาก อะตอมมิคบอมบ์โดม (Atomic Bomb Dome) ซึ่งเป็นซากปรักหักพังของหอการค้าอุตสหกรรมของเมืองฮิโรชิม่าที่ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้เก็บไว้เป็นอนุสรณ์สถานสำหรับเตือนชาวญี่ปุ่นและชาวโลกให้ระลึกมหันต์ภัยอันโหดร้ายของระเบิดปรมาณูหรือนิวเคลียร์ ที่ได้คร่าชีวิตผู้คนแบบเสียชีวิตทันทีกว่า 70,000 คน และอีกกว่า70,000 คนได้อันตรายและบาดเจ็บร้ายแรงจากรังสีนิวเคลียร์

    ระเบิดปรมาณูโดม หรือ Atomic Bomb Dome  หรือเรียกย่อๆว่า A-Bomb Dome เป็นของส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถาน Hiroshima’s Peace Memorial Park  และถูกคัดเลือกจาก ยูเนสโก ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (World heritage)ในปี 1996. และกลายมาสัญลักษณ์หรือแลนด์มาร์คที่สำคัญของเมืองฮิโรชิม่า  ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าหากมาที่ฮิโรชิม่าแล้วไม่ได้มาที่โดมแห่งนี้ก็เหมือนกับว่า "มาไม่ถึงฮิโรชิม่า" 



ภาพมองมุมสูงของสวนสันติภาพ (Hiroshima’s Peace Memorial Park) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองฮิโรชิมา
จากภาพเราจะเห็น A-Bomb Dome อยู่ฝั่งตรงข้ามด้านซ้ายมือ ส่วนบริเวณภายในสวนสันติภาพจะมีอนุสาวรีย์และพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพที่รวบรวมเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของเมืองฮิโรชิม่าช่วงก่อนและหลังที่จะโดนระเบิดปรมาณูเอาไว้  ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากบุคคลและนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก..

ภาพจาก CNN  ซึ่งเป็นภาพมุมสูงที่มองจากด้านหลังของ A-Bomb Dome  ซึ่งจะมองเห็น Peace Memorial Park  ตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม



รูปบน :  คือแบบจำลอง Atomic Bomb Dome ในสภาพที่สมบูรณ์ก่อนที่จะโดนทิ้งระเบิดปรมาณู

รูปขวามือ :  คือแท่งศิลาพร้อมคำอธิบายประวัติของ A-Bomb Dome ซึ่งอดีตเคยใช้สำหรับเป็นสำนักงานประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมของเมืองฮิโรชิม่า ( Industrial Promotion Hall)





ภาพ  A-Bomb Dome  ณ ปัจจุบัน

ในวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เวลา 8 นาฬิกา 15 นาที ระเบิดปรมาณูลิตเติลบอยระเบิดห่างจากโดมปรมาณูทางทิศตะวันออก 150 เมตร และสูงเหนือพื้นดิน 580 เมตร  สันนิษฐานว่า 1 วินาทีหลังจากที่ลิตเติลบอยระเบิดอาคารก็พังทลาย แม้ว่าส่วนอาคารทั้ง 3 ชั้นจะพังทลายเกือบทั้งหมด แต่ส่วนโดมตรงกลางและกำแพงโดยรอบกลับรอดมาได้ เพราะแรงระเบิดนั้นเกิดขึ้นเหนืออาคารพอดี คาดว่าเจ้าหน้าที่ประมาณ 30 คนที่อยู่ในอาคารเสียชีวิตทั้งหมด


คุณครูสาว (กระโปรงเหลือง)  พานักเรียนมาทัศนศึกษาที่สวนสันติภาพ
จุดศูนย์กลางที่ระเบิดปรมาณูตกลงมาและระเบิด (ระเบิดเหนือพื้นดินประมาณ  580 เมตร)  ซึ่งเป็นจุดที่ค่อนข้างมีความสำคัญ
ทางประวัติศาสตร์โลก แต่ถ้าไม่สังเกตุกันจริงๆจะไม่ทราบเลยว่าคืออะไร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเท้าที่ถนนด้านหลังของ  A-Bomb Dome  
เมื่อเจอที่สำคัญๆทางประวัติศาสตร์  ก็ไม่พลาดที่จะเก็บไว้หลักฐานอีกเช่นเคย



Peace Clock Tower หอนาฬิกาแห่งสันติภาพ ทุกๆเช้าเวลา 8.15 ก็จะมีเสียงนาฬิกาดังขึ้นเพื่อเตือนความทรงจำและระลึกถึงเวลาที่เมืองนี้โดนทิ้งระเบิดปรมาณูเมื่อเช้าวันที่ 6 สิงหาคม เวลา 8.15 น

ชมคลิก



Hiroshima Memorial Cenotaph อนุสาวรีย์ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจาก atomic bombing  


Peace Bell ระฆังแห่งสันติภาพสำหรับให้ผู้มาเยือนได้ตีบอกกล่าวกับชาวโลกทุกคนว่าเราต้องการสันติภาพ
บริเวณรอบๆจะมีน้ำล้อมรอบและมีเสียงเขียด+อึ่งอ่างส่งเสียงร้องระงมอยู่ตลอดเวลา 



นกกระเรียน(tsuru)สัญลักษณ์ของสันติภาพ


  • พวงมาลัยรูปนกกระเรียนหลากสี

     สิ่งของที่ผู้คนมักนำมาคาราวะอนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานต่างๆ มักจะประกอบด้วยรูปนกกระเรียนเป็นหลักซึ่งสื่อความหมายถึงสัญลักษณ์ของสันติภาพ   สิ่งของทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพวงหรีดหรือพวงมาลัย ทั้งหมดประติดประต่อด้วยนกกระดาษหรือวัสดุที่พับเป็นรูปนกกระเรียน




Children's Peace Monument  :  อนุสาวรีย์สันติภาพเพื่อรำลึกถึงซาดะโกะ ซาซากิ (Sadako Sasaki)  และเด็กอื่นๆที่ตกเป็นเหยื่อของการทิ้งระเบิดปรมาณู

*** ซะดะโกะ ซะซะกิ (ญี่ปุ่น: 佐々木 禎子 Sasaki Sadako ?) (7 ม.ค. พ.ศ. 2486 - 25 ต.ค. พ.ศ. 2498) เป็นเด็กหญิงชาวญี่ปุ่น ที่อาศัยอยู่ใกล้กับสะพานมิซาสะในจังหวัดฮิโระชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เธอมีอายุได้เพียงสองปี เมื่อระเบิดนิวเคลียร์ถูกทิ้งลงที่ฮิโระชิมะ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. พ.ศ. 2488 แต่เธอรอดมาได้ ซะดะโกะเป็นเด็กที่แข็งแรงรวมทั้งเป็นนักกีฬา ในปี พ.ศ. 2497 เมื่อมีอายุได้ 11 ปี ในขณะที่กำลังซ้อมวิ่งอยู่นั้น เธอรู้สึกมึนหัวแล้วล้มลง หลังเข้ารับการตรวจก็พบว่าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นหนึ่งในผลสืบเนื่องจากระเบิดนิวเคลียร์ เพื่อนของซะดะโกะได้เล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับตำนานที่ว่า ถ้าใครพับนกกระดาษได้ครบหนึ่งพันตัว จะได้สิ่งที่ตนต้องการ ซะดะโกะหวังว่านี่อาจช่วยให้เธอหายป่วยและกับมาวิ่งได้อีกครั้ง เธอใช้เวลา 14 เดือนในโรงพยาบาล และพับนกมากกว่า 1,300 ตัว ก่อนที่จะเสียชีวิตลงด้วยอายุเพียง 12 ปี (ในเรื่องเล่าที่ค่อนข้างแพร่หลายกล่าวว่าเธอพับนกได้แค่ 644 ตัวก่อนจะเสียชีวิต และเพื่อนของเธอพับนกให้เธอจนครบหนึ่งพันตัว และฝังนกเหล่านั้นพร้อมกับร่างของเธอ) ปัจจุบันที่ฐานอนุสาวรีย์ของเธอในบริเวณอนุสรณ์สถานสันติภาพ ฮิโระชิมะ ผู้คนจากทั่วโลกยังคงแวะเวียน นำพวงมาลัยนกกระเรียนกระดาษมาวางเพื่อระลึกถึงเธอ ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากสงคราม



Hiroshima Peace Memorial Museum :  พิพิธภัณฑ์จะแยกเป็น 2 ตึกซึ่งกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของเมืองฮิโรชิมาและเหตุการณ์ในช่วงที่เกิดระเบิดนิวเคลียร์ในวัที่ 6 สิงหาคม


นอกจากนั้นบริเวณสวนสันติภาพยังประกอบด้วยอนุสรณ์สถานอื่นๆอีกหลายแห่ง เช่นสถานที่สำหรับฝังกระดูก+เศษเถ้าถ่านและร่างกายชาวฮิโรชิม่าที่รวบรวมได้จากบริเวณรอบๆและบริเวณใกล้เคียงซึ่งนำมาฝังไว้รวมกันไว้  และรวมถึงอนุสรณ์สถานของชาวเกาหลีที่พำนักอาศัยเพื่อประกอบสัมมาอาชีพช่วงสงคราม , อนุสาวรีย์เด็กชาย-หญิงที่อุทิศตัวเพื่อสันติภาพอย่างถาวรของโลก , รูปปั้นของแม่และเด็กในความวุ่นวาย และ อื่นๆ



ส่วนภายในพิพิธภัณฑ์จะรวมเรื่องราวเกี่ยวกับฮิโรชิม่าก่อนและหลังโดนระเบิดปรมาณูเอาไว้ให้ท่านได้ชมและศึกษาจำนวนมากมาย ซึ่งมีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวและอื่นๆ   แต่ว่าภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายและบันทึกภาพ จึงไม่สามารถเก็บภาพมาฝากได้มากนัก คงมีแค่โมเดลจำลองของเมืองฮิโรชิม่า ก่อนและหลังโดนระเบิดมาฝากกันเท่านั้นดังนี้

ภาพจำลองของสภาพเมืองฮิโรชิม่าก่อนที่จะโดนทิ้งระเบิดปรมาณู ... ตึกหลังคาและโดมสีเขียวนั้นคือสำนักงานประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมของเมืองฮิโรชิม่า ( Industrial Promotion Hall)  หรือ A-Bomb Dome ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของเมืองฮิโรชิม่าในปัจจุบัน

ภาพเมืองจำลองสภาพเมืองฮิโรชิม่าหลังโดนถล่มด้วยระเบิดปรมาณู  ทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีจากจุดศูนย์กลาง 1.5-2 กิโลเมตร ราบเป็นหน้ากลอง
สำนักงานประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมหลังคาและโดมสีเขียวก็เหลือแต่ซากปรักหักฟังดังที่เห็น
ส่วนเสาสีแดงในวงกลมคือจุดศูนย์กลางที่ระเบิดปรมาณูตกลงสู่พื้นซึ่งอยู่ด้านหลังของ A-Bomb Dome  ดังที่ได้แสดงให้เห็นในรูปด้านบนที่ผ่าน




ลูกบอลสีแดงคือตำแหน่งที่ระเบิดปรมาณูที่ชื่อว่าเจ้า  "เด็กน้อย" หรือ "ลิตเติลบอย (Little Boy )  ตกลงสู่เมืองฮิโรชิม่า

หลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกถึงเวลาที่เมืองฮิโรชิม่าโดนถล่มด้วยระเบิดปรมาณู ( 8.15 น. วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2488)


       ผมใช้เวลาอยู่ในพิพิธภัณฑ์พอสมควร  ภาพต่างๆที่เห็นรวมถึงเรื่องราวผ่านจอที่ได้ฟังบรรยาย  ต้องยอมรับว่าเป็นอะไรที่สะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง (บางภาพดูแล้วถึงกับน้ำตาร่วง)

      ภาพที่เห็นทำให้จินตนาการได้เลยว่าคนญี่ปุ่นและชาวฮิโรชิม่าต้องเจ็บปวดและทรมานแค่ไหนในช่วงหลังโดนโจมตีด้วยปรมาณู

      จากประสบการณ์ที่ได้เห็นครั้งนี้ทำให้พอเข้าใจเลยว่าทำไมคนญี่ปุ่นจึงมีความเป็นชาตินยมสูง  มีความสามัคคี มีความอดทนและมีระเบียบวินัยเป็นเลิศ

     ภาพที่เห็นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมญึ่ปุ่นจึงพื้นฟูประเทศอย่างรวดเร็วและกลายมาเป็นประเทศที่พัฒนาและเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน...


 " No pain, No gain "  อดีตและปัจจุบันของญี่ปุ่นเปรียบไปแล้วเหมือนหนังคนม้วน...ดูเหมือนคนญี่ปุ่นไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาแลได้แปลงความเจ็บปวดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอดีตให้กลายมาเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน..นั้นคือเหตุผลว่าทำไมญี่ปุนจึงได้เปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างรวดเร็ว


***  ในอดีตเมื่อครั้งสมัยเรียนหนังสือ เคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับฮิโรชิม่าแบบผิวๆเผินๆและก็เน้นท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทองเพื่อที่จะให้ได้คะแนนดีๆ ในการสอบ   แต่หลังจากทริปนี้ไปทุกอย่างเข้ามาอยู่ในความทรงจำอย่างฝังลึกเลยโดยไม่ต้องท่องจำเหมือนในอดีตอีกเลย !!
  • ข้อมูลสำหรับการเข้าชมพิพิธภัณฑ์




คลิปเกี่ยวกับเด็กหญิงซะดะโกะ ซาซากิ


*** ขอจบเรื่องเล่าเกี่ยวกับ A-Bomb Dome เอาไว้แค่นี้ก่อนนะ   ตอนถัดไปจะเล่าเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญๆในฮิโรซิมาที่เหลือให้ฟัง    โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ














  • ต้องการให้กำลังใจและแฟนเพจบนเฟซบุ๊กอย่าลืมกด LIKE ที่นี่นะครับ=> https://www.facebook.com/realtigerwalker


  • No comments:

    Post a Comment