Kota Kinabalu _ Kampung Air

โกตาคินาบาลู เมืองหลวงของรัฐซาบาห์ แห่งมาเลเซียตะวันออก

 Kota Kinabalu is the capital of the state of Sabah, located in East Malaysia.






อาหารที่เสิร์ฟบนเครื่อง

การเดินทางทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2557 ... โดยบินตรงจากสิงคโปร์ด้วยสายกาบิน Silk Air เพื่อมาทำงานบนแท่นเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งที่อยู่ใกล้ๆกับเมืองนี้  ตามคำร้องขอของลูกค้า...

เดินทางออกจากสิงคโปร์ประมาณ 08.50 น. และมาเดินทางมาถึงสนามบินของเมืองโกตาคินาบาลูประมาณ 11.20 น.  จากนั้นหลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเรียร้อยก็มีเจ้าหน้าที่ของฝ่ายลูกค้านำรถมารับและพาไปส่งที่โรงแรม มิงการ์เด้น ที่อยู่ใกล้ๆย่านธุรกิจของใจเมือง..

ห้องพักที่ค้าบุ๊คไว้ให้ @ Ming Garden Hotel  โรงแรมระดับ 4 ดาว

ถึงที่พักก็เกือบบ่ายโมง..ท้องน้อยๆก็เริ่มเรียกร้องหาอาหาร.. จึงได้โทรเรียกบริการของเค้าเตอร์เซอร์วิชมาดูและสั่งอาหารมารองท้อง...

ข้าวพัดมาเลสไตล์ซาบาห์ + น้ำแตงโม (ชุดนี้ก็ประมาณ 40 ริงกิจ หรือสี่ร้อยบาท)
 แพงมักๆ กินไปบ่นไปกันเลยทีเดียว..แต่ทว่าทุกอย่างลูกค้าเป็นคนจ่ายก็เลยไม่ต้องคิดมาก..555

     ปกติแล้วเมื่อเดินทางถึงก็ต้องถามหา helicopter flight schedule กับคนที่มารอรับหรือไม่ก็แพลนที่ลูกค้าจัดไว้ให้ เช่น หลังจากนี้ต้องเดินทางต่อไปที่ไหนหรือว่าเฮลิคอปเตอร์จะมารับเมื่อใด...

ทริปนี้ก็เช่นกันเมื่อเดินทางมาถึงสิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือการเช็คว่า"ซ๊อปเปอร์"จะมารับเมื่อใดหรือจะต้องบินออกไปยังแท่นเจาะน้ำเมื่อไร ...

*** ซ๊อปเปอร์ (Chopper) จะหมายถึงเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่นิยมใช้กันในกลุ่มคนทำงานนอกชายฝั่ง 


   สำหรับทริปนี้ทางตัวแทนของลูกค้าได้แจ้งว่า " พรุ่งนี้ไม่มีซ๊อปเปอร์ " ส่วนวันถัดๆจะแจ้งให้ทราบผ่านทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมแบบวันต่อวันโดยให้รอรับข่าวสารจากเจ้าหน้าที่ของโรงแรมว่าจะต้องบินวันไหนและจะส่งรถมารับไปสนามบินเฮลิคอปเตอร์ หรือ Helibase  วันไหนเวลาเท่าไร

ต้องบอกคำว่า " พรุ่งนี้ไม่มีซ๊อปเปอร์หรือไม่มีเฮลิคอปเตอร์ " นั้นเปรียบเสมือนดังพระมาโปรดเลยที่เดียวสำหรับคนที่ต้องทำงานนอกชายฝั่ง   ซึ่งเป็นคำที่ทุกคนอยากได้ยินและอยากฟังซ้ำ  เพราะนั่นหมายถึงจะได้มีเวลาอย่างน้อยๆหนึ่งวันสำหรับการที่จะไปในสถานที่ที่ชอบๆ ...

และหลังจากที่เติมพลังด้วยข้าวผัดมาเลฯดังที่โชว์ในรูปด้านบนเรียบร้อยก็จัดแจงอาบน้ำอาบท่าและลงมาหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมโดยทันที

แต่ด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัดสำหรับวันนี้เสือน้อยคงเผ่นไปไหนไม่ได้ไกล   ดังนั้นเพลนสำหรับวันนี้ก็คงจะอยู่ใกล้กับที่พักและตัวเมือง..

จุดแรกก็คือมัสยิดที่มีชื่อเสียงประจำเมืองนั่นคือ Kota Kinabalu City Mosque  ซึ่งสามารถเดินทางด้วยรถตู้โดยสารประจำทาง ด้วยราคา 1.5 ริงกิด หรือประมาณ  15 บาท ดังรูป

แผนที่โรงแรมที่พัก-ตัวเมือง-มัสยิดและเกาะ Gaya  ...

ซึ่งทางโรงแรมจะมีรถ shutter bus วิ่งรับส่งระหว่างโรงแรม-ย่านตัวเมืองทุกๆ 1 ชั่วโมง  

หลังจากล้อหมุนได้ประมาณสัก 10 นาทีจากตัวเมือง... รถก็วิ่งมาถึง City Mosque  หรือมัสยิดลอยน้ำ (Floating Mosque)  ซึ่งเป็นมัสยิดหลักแห่งที่สองของเมืองโกตาคินาบาลู  ( ลิงค์รายละเอียดเกี่ยวกับมัสยิด  Kota Kinabalu City Mosque )  

มัสยิดแห่งนี้เป็นสถานที่ทางศาสนาที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้  ดังนี้ผมจึงไม่พลาดที่จะตามไปดูและเก็บตกเรื่องราวเล็กๆน้อยๆนำมาฝากกัน..

มัสยิด ที่ถ่ายจากด้านที่อยู่ติดกับถนน

รูปมัสยิดถ่ายจากด้านหน้า (ยืมมาจากกลูเกิล)

หลังคาของมัสยิสที่ถ่ายจากภายใน

บรรยากาสภายในมัสยิดชั้นในสุด....ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้คนที่นับจะมานั่งสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้า

ซึ่งก็จะมีประชาชนและนักศึกษาจากต่างถิ่นเข้ามาเยียมชมเป็นระยะๆ

บริเวณชั้นกลางของมัสยิด...ด้านข้างด้านขวามือดูเหมือนจะเป็นโรงเรียนหรืออะไรสักอย่าง

ซึ่งมีนักเรียนแต่งตัวตามรูปแบบของมุสลิมดังภาพอยู่จำนวนมาก 

ด้านประตูทางเข้า

หลังเข้าไปเยี่ยมชมและเก็บภาพบางส่วนเรียบร้อย ก็เดินทางกลับด้วยรถประจำทางสายเดิม และมาลงที่บริเวณใจกลางเมืองก่อนถึงสถานีสุดท้ายที่เป็น Bus Station.

   จากนั้นก็มาเดินเที่ยวบริเวณชายฝั่งที่ติดกับทะเลซึ่งเป็นย่านช๊อปปิ้งและศูนย์การค้า .. และเมื่อสังเกตุดูบริเวณรอบๆก็จะเห็นเรือวิ่งกันขวักไขว่..ก็เลยสอบถามผู้คนว่าเขาเดินทางไปไหนกันซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือเขาเหล่านั้นเดินทางไปมาระหว่างเกาะบริเวณรอบๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเกาะกายา (Gaya  Paula) ที่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านน้ำหรือที่ชาวท้องถิ่นเรียกว่า Kampung Air ( กัมปง=หมู่บ้าน, ไอซ์ = น้ำ)

  ผู้คนที่พักอาศัยสร้างบ้านเรือนอยู่ที่ Kampung Air หรือหมู่บ้านน้ำแห่งนี้ส่วนใหญ่หรือทั้งหมดแล้วจะเป็นชาวฟิลิปปินส์ที่นับถือศาสนาอิสลามและอบพยมมาจากทางตอนใต้หรือบริเวณไกล้เคียงของฟิลิปปินส์

   เมื่อดูเวลาและเช็คสีท้องฟ้าแล้ว ก็สรุปได้ว่าเรายังพอมีเวลา 1-2 ชั่วโมงก่อนท้องฟ้าจะมืดสนิท..ก็เลยตัดสินใจไปที่ท่าเรือเพื่อเดินทางตามไปดูเรื่องราวชีวิตของคนชาวเกาะกายาแห่งนี้

 Kampung  Air หรือหมู่บ้านที่เห็นจากฝั่งตัวเมือง

ท่าเรือโดยสารที่บริการรับส่งระหว่างตัวเมืองและเกาะต่างๆที่อยู่บริเวณใกล้เคียง..

 สำหรับเกาะ Gay ที่จะเดินทางไปนั้นค่าโดยสารคนละ 2 ริงกิต หรือ 20 บาทต่อเที่ยว..

*** ช่วงแรกเมื่อเห็นเราพูดภาษาท้องถิ่นไม่ได้ ก็มีบางลำพยายามเรียกราคาเหมา  50 ริงกิต หรือ 500 บาท จากนั้นก็ลดลงมาเหลือ 25 ริงกิต  แต่จากคำบอกเล่าของคนท้องถิ่นบอกว่าคนละ 2 ริงกิตต่อเที่ยว   ทำให้ผมปฏิเสธทุกข้อเสนอ...

บริเวณทางเข้าหมู่บ้านน้ำ

ไกล้ถึงบริเวณท่าจอดเรือ 

บันไดลิง...ทางขึ้นและลงเรือ (ลูกศรสีส้ม)

เด็กๆในหมู่บ้าน...บ้างก็มารอรับญาติที่กลับจากการทำงานบนฝั่งบ้างก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานตามวัย..

ทางเข้าหมู่บ้านเมื่อมองจากจุดรับส่งผู้โดยสารขึ้นลงเรือในหมู่บ้าน

บรรยากาศรอบๆหมู่บ้าน  ... ซึ่งจะใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทาง

ร้านค้าประจำหมู่บ้าน ... ส่วนด้านซ้ายมือคือหวานเย็นที่ผมซื้อแจกเด็กๆเป็นค่าเข้าเยี่ยมชมหมู่บ้าน

 ( ตัวละ 0.3 ริงกิต หรือ 3 บาท ... ทั้งหมด 10 ริงกิต ) 

สนามกีฬาประจำหมู่บ้าน..คนพาชมรอบๆหมู่บ้านบอกว่าอย่างเศร้าๆว่านีคือชีวิต " this is a life "

ซ้ายมือคือมัสยิดประจำหมู่บ้านน้ำ    ส่วนด้านขวาคืออีกหนึ่งร้านค้าประจำหมู่บ้าน  ส่วนคนที่เห็นด้านขวามือสุดคือคนอาสาพาชมรอบๆหมู่บ้านแต่ขอค่าบริการ 10 ริงกิต   ...555 เพื่อความปลอดภัยเราก็เลยต้องยอมจ่ายแบบไม่มีปัญหา ...

ภาพมุมกว้างของหมู่บ้านน้ำ ..

ใช้เวลาอยู่ที่บริเวณหมู่บ้านประมาณ 35 นาท หลังจากนั้นก็เดิมทางกลับมาที่เดิมซึ่งเป็นทางเรือประจำเมือง

   จากนั้นเดินเยี่ยมชม seafood  market   ซึ่งเห็นอยู่ใกล้ๆในรูปวงกลม 

เมื่อกลับมาถึงฝั่งตะวันก็ตกดินมืดสนิทพอดีและก็ได้เวลาที่จะต้องเติมพลังด้วยการหาอะไรกิน..ก่อนเดินทางเข้าโรงแรมที่พัก..

โคตาคินาบาลู ป็นเมืองที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งเกี่ยวกับอาหารทะเล ... ดังนั้นผมจึงไม่พลาดที่จะเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศและลิ้มลองอาหารทะเลที่นี่..

แต่เรื่องราวของอาหารทะเลที่นี่มีอะไรที่น่าสนใจหลายอย่างและคงเล่าไม่จบในตอนนี้..ซึ่งคงจะต้องเก็บเอาไว้เล่าให้ฟังกันในตอนต่อไป...อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะครับ

เส้นทางเสือผ่าน..

หากท่านใดที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกาะและหมู่บ้านน้ำแห่งนี้ สามารถอ่านได้จากลิงค์นี้ครับ =>  Gaya Island 


No comments:

Post a Comment